ขนุนเป็นไม้ผลอย่างหนึ่งที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายมาช้านาน

ซึ่งขนุนจะมีหลากหลายสายพันธุ์และที่เด่นๆเคยแนะนำในคอลัมน์ไปบ้างแล้ว โดยขนุนที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานสามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทคือ ประเภทที่มีเนื้อเป็นสีเหลือง กับประเภทที่มีเนื้อเป็นสีส้ม นิยมเรียกกันว่า "ขนุนสีจำปา" รสชาติทั้ง 2 ประเภทที่กล่าวถึงจะมีความหวานกรอบอร่อยแตกต่างกัน
ปัจจุบัน มีผู้นำกิ่งพันธุ์ขนุนใหม่ๆออกวางขาย ซึ่งพบว่ามีอยู่ 2 พันธุ์น่าสนใจ มีรูปของผลติดโชว์ไว้กับต้นให้ชมด้วย โดยสายพันธุ์แรกที่จะแนะนำได้แก่ขนุนที่มีชื่อว่า "ขนุนยักษ์พันธุ์รุ่งทวี" ผู้ขายบอกว่า ขนุนชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ ผลจะมีขนาดใหญ่มาก เคยชนะเลิศการประกวดขนุนประเภทขนุนยักษ์มาแล้วถึง 6 ครั้งซ้อน นอกจากจะมีผลขนาดใหญ่แล้ว เนื้อของผลยังมีความหวานหอมอร่อยกรอบอีกด้วย เนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม ให้ปริมาณเนื้อมากเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล
ผล เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่มาก น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 6070 กิโลกรัมต่อผล ผลเมื่อแก่จัดจะไม่แตกหรือปริ และที่ถือว่าเป็นข้อดีอีกอย่างของ "ขนุนยักษ์ พันธุ์รุ่งทวี" คือ จะติดผลปีละ 2 ครั้ง เวลาปลูกแล้วติดผลขนาดใหญ่จะตื่นตาตื่นใจมาก หนึ่งผลต้องใช้คนยก 2 คน "ขนุนยักษ์พันธุ์รุ่งทวี" มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง "คุณภิญโญ" ตรงกันข้ามโครงการ 13 ราคาสอบถามกันเอง
ขนุนสายพันธุ์ที่ 2 คือ "ขนุนเหลืองบางเตย" เป็นขนุนพันธุ์เก่าแก่ มีประวัติเป็นของกำนันประสาน การะเวก อยู่ที่ ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม จากนั้นได้มีการขยายพันธุ์ขายให้คนซื้อไปปลูกทั่วไป มีลักษณะเด่นคือ ผลจะเป็นรูปไข่ ผลเมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15 กิโลกรัมต่อผล เนื้อหรือ "ยวง" เป็นสีเหลืองจัด รสชาติหวานกรอบ ไม่เละ และเนื้อหนา เป็นขนุนสายพันธุ์ที่ติดผลดกมาก ติดผลปีละครั้ง ให้เนื้อเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล มีกิ่งตอนขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง "นายดาบสมพร" ราคาสอบถามกันเองเช่นกัน
ขนุน ทุกชนิดมีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ ARTOCARPUS HETERAPHYLLUS LAMK. อยู่ในวงศ์ MORACEAE ประโยชน์ทางยา ผลอ่อนเป็นยาระบาย แก่นบดกินเป็นยาระบาย กินขนุนทำให้ผิวพรรณดี เมล็ดช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดด้วยครับ
"นายเกษตร"
--ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 3 มิ.ย. 2553 (กรอบบ่าย)--

อ้างอิงจาก www.pandinthong.com


6 กรกฏาคม 2553

Copy to clipboard

กลับสู่ด้านบน