มักเป็นสีขาวอมเขียวอ่อน แต่ "กุหลาบทินนิเกอร์" เป็นสายพันธุ์ที่มีดอกเป็นสีขาวบริสุทธิ์ หรือขาวสดใส ขาวมากที่สุดของบรรดากุหลาบดอกสีขาวทั้งหมด เป็นพันธุ์นำเข้าจากประเทศฮอลแลนด์ และขยายพันธุ์ขายในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมปลูกกุหลาบที่มีดอกเป็นสีไม่ใช่สีขาวมากกว่า เลยทำให้ "กุหลาบทินนิเกอร์" ถูกลืมและหายไประยะหนึ่ง เพิ่งพบว่ามีผู้นำต้น "กุหลาบทินนิเกอร์" ออกมาวางขายอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ แต่ไม่ได้รับความสนใจจากผู้ปลูกมากนัก จึงถ่ายภาพนำเรื่องเสนอในคอลัมน์อีกตามระเบียบ

กุหลาบทินนิเกอร์ อยู่ในวงศ์ ROSACEAE เป็นไม้พุ่ม สูง 1-3 เมตร ต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 5-7 ใบ ใบเป็นรูปไข่ ปลายแหลม โคนมน ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย หูใบแนบติดกับก้านใบ สีเขียวสด ใบอ่อน เป็นสีเขียวอมน้ำตาลเข้ม

ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆที่ปลายกิ่ง ฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็นแฉกหลายแฉก มีกลีบดอก 5 กลีบ เรียงซ้อนกันหลายชั้น กลีบดอกเป็นรูปมน สีขาวบริสุทธิ์ไม่ใช่สีขาวอมสีเขียวอ่อน และจัดเป็นกุหลาบที่มีดอกเป็นสีขาวสดใสที่สุดในหมู่กุหลาบทั้งหมด ดอกบานเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5-3 นิ้วฟุต ดอกมีกลิ่นหอมเป็นกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ต้องใช้จมูกสูดดมชิดๆ จึงจะได้กลิ่น

เวลา มีดอกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้นจะดูสวยงามสดใสมาก "ผล" รูปไข่ เมื่อผลสุกเป็นสีแดง แต่ไม่ค่อยจะได้พบเห็นผลนัก ภายในมีเมล็ด ดอกออกตลอดปี และเป็นสายพันธุ์ที่มีดอกดกและขยันมีดอกมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง ติดตา เสียบยอด และหน่อ

ปัจจุบัน "กุหลาบทินนิเกอร์" มีขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 2 แผง "ป้าแอ๊ด-คุณขวัญ" ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกประดับทั้งแบบลงกระถาง และปลูกลงดินกลางแจ้งเป็นกลุ่มหลายๆต้น หลังปลูกรดน้ำพอชุ่มทั้งเช้าและเย็น บำรุงปุ๋ยสูตร 16-16-16 อาทิตย์ละครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยขี้วัวหรือขี้ควายแห้งโรยตามหน้าดินเดือนละครั้ง จะทำให้ "กุหลาบทินนิเกอร์" มีดอกดกสวยงามสดใสมาก หลังดอกโรยให้ตัดแต่งกิ่งทันทีพร้อมใส่ปุ๋ยบำรุงต้นจะทำให้มีดอกไม่ขาดครับ.
--ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 23 มี.ค. 2553 (กรอบบ่าย)--
อ้างอิงจาก www.pandinthong.com