มะม่วงอาร์ทูอีทู มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมจากประเทศออสเตรเลีย โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทยต้องสั่งนำเข้าผลมาขายตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ และที่ตลาดผลไม้ อ.ต.ก.

มีผู้ซื้อไปรับประทานอย่างกว้างขวาง เพราะในประเทศไทยยังไม่มีปลูก แต่หลังจากนั้นประมาณ 4-5 ปี ได้มีผู้นำเอาต้นพันธุ์ที่เป็นกิ่งตอนของ "มะม่วงอาร์ทูอีทู" ไปวางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ "นายเกษตร" ได้แนะนำในคอลัมน์ให้คนซื้อไปปลูกได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

จากวันนั้นถึงวันนี้ ปรากฏว่า "มะม่วงอาร์ทูอีทู" ที่ถูกซื้อไปปลูกได้กลายเป็นมะม่วงอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ ผู้ปลูกเก็บผลส่งไปขายยังต่างประเทศสร้างรายได้ เข้าประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยมีประเทศหลักๆที่ต้องการ "มะม่วงอาร์ทูอีทู" คือ ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น รัสเซีย และประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น และตลาดในประเทศไม่ต้องสั่งนำเข้าอีก ในต่างประเทศนิยมรับประทานกันมาก "นายเกษตร" ทราบข่าวแล้วเห็นว่า "คนไทยเก่ง" จึงเก็บมาเล่าให้ผู้อ่านไทยรัฐได้รู้ และตอกย้ำว่า หากทำอะไรด้วยความตั้งใจแล้ว สามารถสร้างอาชีพ หรือ สร้างเงินได้อย่างแน่นอน

มะม่วงอาร์ทูอีทู เป็นมะม่วงที่ติดผลดก ใช้เวลาปลูกประมาณ 4-5 ปี สามารถติดผลชุดแรก จึงคุ้มค่ามากถ้าจะปลูกเพื่อเก็บผลขาย อายุการให้ผลิตผลก็ยาวนานเกินกว่า 20 ปีต่อต้น ปัจจุบันทราบว่า เกษตรกรบางรายใช้เทคนิคบังคับทำให้ "มะม่วงอาร์ทูอีทู" ติดผลนอกฤดูกาลได้ อีกด้วย เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค

มะม่วงอาร์ทูอีทู เป็นมะม่วงที่ปลูกกินผลสุก รสชาติหวานปนเปรี้ยว เนื้อเหนียวละเอียดไม่เละ ไม่มีเสี้ยน ผลสุกเต็มที่สามารถเก็บได้นานกว่า 10 วัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการส่งไปจำหน่ายเป็นระยะทางไกลๆ สีของผลแก่จัดเมื่อเก็บไปบ่มจะเป็นสีแดงอมส้มมีนวลงดงามน่ารับประทานมาก ใครที่มีพื้นที่น้อย ปลูก "มะม่วงอาร์ทูอีทู" ไว้เก็บผลรับประทานใกล้ๆบ้าน ต้นหรือสองต้น เมื่อถึงฤดูกาลติดผลสุกดกเต็มต้น ผลถูกแสงแดดทำให้สีของผลเป็นสีแดงอมส้มตลอดทั้งผล จะดูสวยงามตื่นตาตื่นใจแก่เจ้าของและผู้สัญจรผ่านไปมาเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนใคร ที่ต้องการกิ่งพันธุ์ของ "มะม่วงอาร์ทูอีทู" ไปปลูก ติดต่อ คุณประภาส สุภาผล บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หรือ โทร. 08-0646-4699 หรือไปซื้อได้ที่งาน "เกษตรมหัศจรรย์" ที่เดอะมอลล์ บางแค ชั้น 4 บูธสวนประภาสไม้ผล จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 ก.พ.นี้ นัยว่ามีผลนอกฤดูกาลให้ชมด้วย ราคาสอบถามกันเองครับ.

--ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 22 ก.พ. 2553 (กรอบบ่าย)--
อ้างอิงจาก www.pandinthong.com


19 เมษายน 2553

Copy to clipboard

กลับสู่ด้านบน