เพื่อให้กลุ่มบุคคลที่อยู่นอกเงื่อนไขประกันสังคม ได้รับการคุ้มครองดูแลจากรัฐ โดยเน้นไปยังกลุ่มอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้าในตลาด คนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เป็นต้น โดยให้คนเหล่านี้ส่งเงินออมเข้ากองทุนทุกเดือน และรัฐเป็นผู้จ่ายเงินสมทบให้เสมือนเป็นนายจ้าง เมื่ออายุครบ 60 ปีก็จะได้รับเงินก้อนใหญ่เสมือนเป็นบำเหน็จบำนาญเช่นเดียวกับข้าราชการ หลักการที่ว่านี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีไปแล้ว คงเหลือขั้นตอนของการร่างรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนผ่านไปสู่กระบวนการพิจารณาของสภา ซึ่งอาจจะใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ

ธ.ก.ส. คลุกคลีกับเกษตรกรมากว่า 43 ปี รับรู้ถึงปัญหาของเกษตรกรที่อายุมาก ๆ และหมดเรี่ยวแรงที่จะทำมาหากิน...ซึ่งบางคนมีลูกหลานคอยเลี้ยงก็ยังพอเบาใจ แต่มีบางคนที่ถูกลูกหลานละทิ้ง ชีวิตในบั้นปลายจึงกลายเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ คนกลุ่มนี้เมื่อร่างกายยังฟิตปั๋ง! ได้ทุ่มเทใช้แรงกายแรงใจผลิตอาหารหล่อเลี้ยงผู้คน แต่เมื่อถึงวัยชรากลับไม่มีระบบสวัสดิการใด ๆ รองรับ

กองทุนทวีสุข เป็นผลิตภัณฑ์ที่ ธ.ก.ส.เปิดขึ้นมาเพื่อการนี้ โดยให้เกษตรกรที่เป็นลูกค้าเปิดบัญชีออมเงินกับ ธ.ก.ส.ไว้ทุกเดือน ๆ ละ 100 บาท 500 บาท หรือ 1,000 บาท แล้วแต่กำลังทรัพย์หรือจะจ่ายทั้งหมดปีละครั้งก็ได้ ซึ่ง ธ.ก.ส.จะจ่ายดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ต่อปีโดยไม่หักภาษีพร้อมเชื่อมโยงสวัสดิการที่เหมาะสมเติมเข้าไป เช่น ประกันอุบัติเหตุ การรักษาพยาบาล เงินช่วยเหลือบุตร เป็นต้น และทุก ๆ ปีในวันพ่อวันแม่แห่งชาติจะจัดกิจกรรมให้บรรดาลูกกตัญญูเข้ามาเปิดบัญชีดังกล่าวให้พ่อแม่ด้วย ถือเป็นการรณรงค์และสร้างค่านิยมที่ดีสู่สังคมอีกทางหนึ่ง

เมื่อออมเงินกับกองทุนทวีสุขจนอายุครบ 65 ปีเกษตรกรก็จะมีเงินก้อนเอาไว้ใช้สอยดูแลตนเองเสมือนเป็นบำเหน็จบำนาญ ปัจจุบันโครงการนี้มีสมาชิกกว่า 720,000 ราย คิดเป็นเงินออมประมาณ 2,000 ล้านบาท ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าเกษตรกร ซึ่งอาจรวมถึงอาชีพอิสระต่าง ๆ ต้องการความมั่นคงในชีวิตเช่นเดียวกับอาชีพอื่น ๆ ขอเพียงสังคมให้ความใส่ใจ ให้ความรู้และให้โอกาส... นาน ๆ จะมีโครงการดี ๆ เกิดขึ้นในสังคมบ้านเราก็ต้องขอเชียร์กันหน่อย แต่ระหว่างร้องเพลงรอโครงการกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ กองทุนทวีสุขน่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันในบั้นปลายของชีวิตได้เช่นเดียวกัน

•พรพรหม จักรกริชรัตน์•

13 ตุลาคม 2553

Copy to clipboard