เมื่อวันนี้ 17 มิถุนายน 2557 ณ ธ.ก.ส. สาขาน้ำพอง จ.ขอนแก่น นายกำธร ถาวรสถิต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

พลตรีภัทรพล รักษนคร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร และ นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ร่วมปิดโครงการการจ่ายเงินรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ที่ค้างชาวนากว่า 800,000 ราย วงเงินกว่า 90,000 ล้านบาท โดยจ่ายเงินตามมูลค่าใบประทวนเข้าบัญชี ให้กับเกษตรกรโดยตรงครบถ้วนทั้งประเทศ

 

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติให้ดำเนินการจ่ายเงินตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ให้กับชาวนาที่อยู่ระหว่างรอรับเงินอีกกว่า 800,000 ราย วงเงิน 92,431 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 นั้น ธ.ก.ส. สามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรตามคิวใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วตามลำดับก่อนหลังอย่างเคร่งครัด โปร่งใส ไปแล้ว 838,538 ราย จำนวนเงิน 89,931 ล้านบาท โดยจ่ายเงินได้เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ 22 มิถุนายน 2557 และถือเป็นการปิดบัญชีหนี้จำนำที่ค้างไว้กับชาวนาทั้งหมด

 

การดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ซึ่งมียอดใบประทวนรวมทั้งโครงการจำนวน 1,671,720 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 11.88 ล้านตัน คิดเป็นจำนวนเงิน 195,450 ล้านบาท (ตัวเลขดังกล่าวรวมยอดประมาณการข้าวเปลือกที่จะเข้าร่วมโครงการในภาคใต้ ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557) สามารถจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงไปแล้วจำนวน 1,612,380 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 10.97 ล้านตัน จำนวนเงิน 184,957 ล้านบาท จากยอดจัดสรรทั้งหมด 195,394 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินงบประมาณและเงินจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ 164,894 ล้านบาท เงินกองทุนช่วยเหลือชาวนา 10,500 ล้านบาท และงบกลางอีก 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การจ่ายเงินดังกล่าวเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรที่มีหลักฐานและเอกสารครบถ้วนไปแล้วทั้งหมด ยังเหลือเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ที่อยู่ระหว่างการนำข้าวมาเข้าโครงการ และเกษตรกรบางส่วนที่อาจติดปัญหา เช่น ใบประทวนสูญหาย หรืออื่น ๆ ซึ่ง ธ.ก.ส. จะเร่งประสานส่วนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป นอกจากนี้ ในการเบิกจ่ายเงินสดของชาวนาที่ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีไปแล้ว ธ.ก.ส. ได้ขอความร่วมมือในการทยอยมาเบิกรับเงินหากไม่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อลดปัญหาความคับคั่งของเกษตรกรที่มาติดต่อยังสาขา เพราะระบบรองรับการบริการฝากถอนมีข้อจำกัด อาจเกิดความไม่สะดวกหรือล่าช้า

 

นายลักษณ์กล่าวต่อไปว่า เม็ดเงินที่ลงไปถึงมือชาวนาช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยทั้งการ บริโภคภายในครัวเรือน การชำระหนี้สินต่างๆ ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนอย่างชัดเจน โดยคาดว่า GDP ของประเทศจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.2 และสำหรับแนวทางการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในเบื้องต้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2557/58 ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เข้าไปช่วยเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกมาเป็นปริมาณมากและมีราคาตกต่ำ โดยเกษตรกรมีทางเลือกในการชะลอการขาย โดยไม่ต้องพะวงกับปัญหาเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในครัวเรือนและภาระหนี้สิน เพราะสามารถนำผลผลิตมาขอกู้กับ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 80 ของราคาตลาด ในวงเงินไม่เกินรายละ 300,000 บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 4 เดือนนับถัดจากเดือนรับเงินกู้ เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าว โดยผ่านสถาบันเกษตรกร เพื่อกระตุ้นให้องค์กรของเกษตรกร เข้ามามีส่วนช่วยในการรักษาระดับราคาผลผลิตข้าวรวมทั้งมีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต

 

สำหรับแนวทางการดูแลเกษตรกรในระยะยาว คสช. ได้กำหนดแนวทางการปฏิรูปเพื่อสร้างความยั่งยืนในภาคเกษตรกรรมในหลายด้าน เช่น การลดต้นทุนการผลิต โดยการลดค่าเช่าที่ดินทำกิน การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว ธนาคารปุ๋ย การพัฒนาความรู้ให้กับชาวนาบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง การจัดการด้านการตลาด ฟื้นฟูและยกระดับการผลิต การเพิ่มมูลค่าผลผลิต การจัดตั้งตลาดกลาง และสนับสนุนการนำระบบสหกรณ์มาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานดังกล่าวอย่างเป็นระบบ ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนในทุกๆ แนวทาง นายลักษณ์กล่าว


Copy to clipboard

กลับสู่ด้านบน