วันที่ 30 กันยายน 2559 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ ธ.ก.ส. กล่าวเปิดการสัมมนาเสริมสร้างความรู้และธรรมาภิบาลของกรรมการรัฐวิสาหกิจ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ณ ห้องประชุม เวิลด์ บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยมีนายสุวิชญ โรจนวานิช นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล นายพีระวัฒน์ ดวงแก้ว และนายวัฒนา ธรรมศิริ กรรมการ ธ.ก.ส. พร้อมนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เข้าร่วมการสัมมนาฯ

การสัมมนาดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในอนาคต และการเสริมสร้างธรรมาภิบาลของกรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ โดยได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้น (Owner) เพื่อมอบนโยบายสำหรับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ 2560 รัฐวิสาหกิจมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย สะท้อนได้จากรัฐวิสาหกิจมีทรัพย์สินรวมประมาณ 13 ล้านล้านบาท (มูลค่าเท่ากับ GDP ของประเทศ) และมีงบลงทุนคิดเป็นร้อยละ 50 ของการลงทุนภาครัฐ ซึ่งกรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาล และของกระทรวงเจ้าสังกัดให้เกิดผลสัมฤทธิ์และบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับรัฐวิสาหกิจ โดยจะต้องดำเนินการภายใต้กฎและระเบียบของผู้กำกับแลรายสาขา (Regulator) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้แก่กรรมการและผู้บริหาร ของรัฐวิสาหกิจ ในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1. กรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจต้องเป็นผู้ผลักดันให้รัฐวิสาหกิจสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจ โดยการยกระดับความโปร่งใสในการบริการจัดการรัฐวิสาหกิจด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบกำกับและตรวจสอบความโปร่งใสของภาครัฐ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ประชาชน และประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับความโปร่งใสของรัฐวิสาหกิจ เช่น โครงการสร้างความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) และสัญญาคุณธรรม (Integrity Pact) นอกจากนี้ ขอให้กรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สร้างค่านิยมและจริยธรรมให้กับบุคลากรภายในองค์กรให้มีคุณธรรม สร้างความโปร่งใส ไม่ให้โกงและสร้างความเป็นเจ้าของ 2. ขอให้กรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งมีวงเงินลงทุนประมาณ 520,980 ล้านบาท ให้มากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ให้เลื่อนการลงทุนให้เร็วขึ้น (Front Load) โดยขอให้เน้นการเบิกจ่ายในไตรมาสที่ 1ประจำปีงบประมาณ 2560 ให้มากขึ้น และขอให้เร่งรัดให้เบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดที่ร้อยละ 95 ของงบลงทุนอนุมัติ 3. ขอให้กรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจผลักดันรัฐวิสาหกิจให้นำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีศักยภาพมาระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดด้านงบประมาณและช่วยให้การบริหารหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 4. การขับเคลื่อนประเทศโดยใช้กลไกประชารัฐ ซึ่งเป็นการสานพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เช่น การให้กรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจต้องเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership : PPP) เพิ่มขึ้น หากมีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ให้รีบดำเนินการเสนอสภานิติบัญญัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐวิสาหกิจในระยะยาว รัฐบาลได้ผลักดันร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... โดยหลักการสำคัญ เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นคณะกรรมการภายใต้กฎหมาย และกำหนดให้แผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการมีกลไกสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบ โดยเปิดเผยข้อมูลการดำเนินนโยบายผ่านรัฐวิสาหกิจให้เกิดโปร่งใส (Transparency) และทำให้เกิดความรับผิดชอบ (Accountability)


Copy to clipboard

กลับสู่ด้านบน